
ผลวิจัยล่าสุดของบริษัทวิจัยการตลาด Mintel ชี้ บรรยากาศทางเศรษฐกิจที่ซบเซาในปัจจุบัน กำลังลบความเข้าใจเดิมๆ เกี่ยวกับทฤษฎี "Lipstick Effect" ที่ว่าในช่วงเศรษฐกิจขาลงยอดขายสินค้ากลุ่มลิปสติก มักพุ่งขึ้นสวนทางธุรกิจอื่นๆ
นิกา เลวิส หัวหน้าที่ปรึกษาของ MIntel Beauty Innovation บอกว่า "ก่อนหน้านี้เราเคยเข้าใจกันว่ายอดขายลิปสติก จะพุ่งพรวดในที่ช่วงที่เศรษฐกิจแย่ๆ แต่ผลวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นภาพที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง" เธอบอกต่อว่าเศรษฐกิจถดถอยยุคนี้ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะผู้หญิงหันมาดูดีแบบเรียบง่ายแทนที่จะบ้าลิปสติก
"เรื่องความสวยความงามเดี๋ยวนี้เน้นเสนอความจำเป็นเป็นจุดขายมากกว่าความหรูหราฟุ่มเฟือย และผู้หญิงก็กำลังคิดอย่างสร้างสรรค์ว่าพวกเธอควรใช้จ่ายเงินเพื่อเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีอย่างไรดี คำตอบก็คือพวกเธอเลือกจะลงทุนกับมอยสเจอไรเซอร์ โลชั่นทาผิว และแชมพู มากกว่าลิปสติก" เลวิสกล่าวเสริม
การวิจัยครั้งนี้ซึ่งมีขึ้นทั้งในอังกฤษ ฝรั่งเศส และสหรัฐ ชี้ให้เห็นความรู้ใหม่ที่น่าทึ่งเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อนิสัยการใช้จ่ายด้านความงามของกลุ่มผู้บริโภคผู้หญิง
มีผู้หญิงเพียง 3% จากทุกประเทศเท่านั้นที่บอกว่าพวกเธอซื้อลิปสติกมาเพื่อคลายเครียด เท่ากับเปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงที่บอกว่าซื้อครีมบำรุงผิว ผลิตภัณฑ์บำรุงผม และน้ำหอม แต่ความจริงอีกอย่างก็คือลิปสติกกลายเป็นเครื่องสำอางลำดับแรก ที่คุณผู้หญิงบอกว่าอาจเสียเงินซื้อน้อยลงหรือไม่ซื้อเลย
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจชี้ว่าโดยภาพรวมแล้วตอนนี้ธุรกิจด้านความงามฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว โดยผู้หญิง 6 ใน 10 คนที่รับการสำรวจในทุกประเทศยังคงไม่เปลี่ยนแปลงนิสัยการซื้อเครื่องสำอาง แม้เศรษฐกิจจะฝืดเคือง นอกจากนี้ เครื่องสำอางที่จำเป็นหลายตัวยังคงสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจได้ดีอีกด้วย
ผู้หญิงมากกว่า 60% ของแต่ละประเทศที่ทำการวิจัยบอกว่าจ่ายเงินซื้อรองพื้นเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิม และมีแนวโน้มมากที่สุดที่จะซื้อผลิตภัณฑ์ทั่วไป เช่น แชมพู และคลีนเซอร์ เท่าหรือมากกว่าเดิม
พวกเธอยังกำลังปรับนิสัยการใช้จ่ายเงินเพื่อดูแลความงาม โดยสาวอเมริกันมีแนวโน้มจะประหยัดเงินค่าทรีตเมนต์ความงามด้วยการหันมาเว้นระยะห่างการทำทรีตเมนต์ให้นานขึ้น หรือเปลี่ยนมาพอกหน้า ทำเล็บ แว็กซ์ขน หรือแม้แต่ทำสีผมที่บ้านเอง
สวนทางกับผู้หญิงในอังกฤษที่มีเพียง 1 ใน 4 คนเท่านั้น ที่บอกว่าจะเลิกทำทรีตเมนต์เพื่อประหยัดเงิน แต่ผู้หญิงฝรั่งเศสดูจะมัธยัสถ์ที่สุด เพราะส่วนใหญ่บอกว่าจะเปลี่ยนจากการเข้าร้านเสริมสวยมาทำทรีตเมนต์เองที่บ้าน
ผลวิจัยนี้ยังสะท้อนความจริงที่ว่าสหรัฐตกอยู่ในสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจยาวนานกว่ายุโรป เพราะมีผู้หญิงอเมริกันมากถึง 1 ใน 3 ที่บอกว่าพวกเธอจะเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว แชมพู และเครื่องสำอางยี่ห้อที่ถูกลงแทน เปรียบเทียบกับสาวอังกฤษและฝรั่งเศส ที่มีเพียง 25%
ขอแนะนำ แชมพูเปลี่ยนสีผม BSY Color Shine และ BSY NONI Black Hair Magic
BSY Color Shine
- เห่อโส่วอู่ มีหน้าที่ในการช่วยสร้างสีให้กับเส้นผม
- โนนิ ช่วยให้รากผมมีความแข็งแรง และมีสารสำคัญมากมายถึง 140 ชนิด
- เกสรดอกไม้ 18 ชนิด ทำให้เกร็ดผมสร้างเม็ดสีที่สมบูรณ์, กรดซิตริกแอซิคจากเกสรดอกไม้
- คอลลาเจนเป็นตัวทำปฏิกิริยาเปิดเกร็ดผม
BSY NONI Black Hair Magic
- เห่อโส่วอู่ มีหน้าที่ในการช่วยสร้างสีให้กับเส้นผมให้มีความดำตามธรรมชาติ
- โนนิ ช่วยให้รากผมมีความแข็งแรง และมีสารสำคัญมากมายถึง 140 ชนิด
- โสม ช่วยขจัดไขมันส่วนเกินที่อุดตันในรากผม และช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของผม
- เห็ดหลินจือ ทำหน้าล้างสารพิษที่สะสมอยู่ในเส้นผม
- คอลลาเจน เป็นตัวทำปฏิกิริยาเปิดเกร็ดผม
ขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 086-4911702 คุณ ไพโรจน์ (นุ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น